พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๗
สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
???
อารัญญกสูตรที่ ๙
[๘๙๕] สาวัตถีนิทาน ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว ฤาษีผู้มีศีลมีกัลยาณธรรมมากรูปด้วยกัน อาศัยอยู่ในกุฎีที่มุงบังด้วยใบไม้ ในราวป่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล ท้าวสักกะจอมเทวดากับท้าวเวปจิตติจอมอสูร เข้าไปหาฤาษีผู้มีศีลมีกัลยาณธรรมเหล่านั้นถึงที่อยู่ ฯ
[๘๙๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล ท้าวเวปจิตติจอมอสูรสวมรองเท้าหนาหลายชั้น สะพายดาบ มีผู้กั้นร่มให้ เข้าไปสู่อาศรมทางทวารอันเลิศ เข้าไปใกล้ฤาษีผู้มีศีลมีกัลยาณธรรมเหล่านั้นห่างไม่ถึงวา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแลท้าวสักกะจอมเทวดาทรงถอดฉลองพระบาท ประทานพระขรรค์ให้แก่ผู้อื่นรับสั่งให้ลดฉัตรเสด็จเข้าไปทางอาศรมโดยทางทวารเข้าออก ประทับประคองอัญชลีนมัสการฤาษีผู้มีศีลมีกัลยาณธรรมเหล่านั้นอยู่ใต้ลม ฯ
[๘๙๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ลำดับนั้นแล ฤาษีผู้มีศีลมีกัลยาณธรรมเหล่านั้นได้กล่าวกะท้าวสักกะจอมเทวดาด้วยคาถาว่า
กลิ่นของพวกฤาษีผู้ประพฤติพรตมานาน ย่อมจะฟุ้งจากกาย
ไปตามลม ดูกรท้าวสหัสนัยน์ พระองค์จงถอยไปเสียจากที่นี้
ดูกรท้าวเทวราช กลิ่นของพวกฤาษีไม่สะอาด ฯ
[๘๙๘] ท้าวสักกะตรัสตอบว่า
กลิ่นของพวกฤาษีผู้ประพฤตพรตมานาน ย่อมจะฟุ้งจากกาย
ไปตามลม ท่านเจ้าข้า พวกข้าพเจ้าต่างก็มุ่งหวังกลิ่นนี้
เหมือนกับบุคคลมุ่งหวังระเบียบดอกไม้อันวิจิตร งดงาม บน
ศีรษะ ฉะนั้น ก็พวกเทวดาหามีความสำคัญในกลิ่นของผู้มี
ศีลนี้ว่าเป็นกลิ่นปฏิกูลไม่ ฯ